เมื่อคิดจะส่งลูกเรียนอินเตอร์ ต้องวางแผนอย่างไร
โดย ทีีี่ปรึกษาด้านวางแผนการเงิน A – life Plan วันนี้ขออนุญาตขึ้นต้นด้วยวลีเด็ดๆ ของ “ท่านเนลสัน เมนเดลา” ซักนิดนะคะ วลีนี้เป็นอะไรที่ซาบซึ้งตรึงใจผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง เป็นถ้อยคำที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของการศึกษาและภาษาเป็นอย่างดี เพราะการศึกษาช่วยสร้างคนให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในสังคม มีความพร้อมที่จะประกอบการงานอาชีพได้ และช่วยให้มีความได้เปรียบในการดำเนินชีวิตท่ามกลางกระแสความเจริญก้าวหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกปัจจุบัน ตัวผู้เขียนเองในฐานะที่เป็นคุณแม่ ก็มีความคิดเหมือนผู้ปกครองทั่วไปที่มีความตั้งใจมอบการศึกษาที่ดีที่สุดแก่ลูกตามความสามารถที่จะมอบให้ได้ เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่า การลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตของเราคือการให้การศึกษาและอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดีมีจริยธรรม แต่การที่เราจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้นั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกๆ คือ การเลือกสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนที่เหมาะสมที่สุด เพราะโรงเรียนจะเป็นที่ๆเด็กต้องจะใช้ชีวิตข้างนอกบ้านอย่างน้อย 7ชั่วโมงต่อวัน สังคมในโรงเรียนจึงมีส่วนในการวางกรอบ แนวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมการแสดงออก ตลอดจนมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เด็กชอบและสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกอาชีพและการดำเนินชีวิตเขาต่อไปในอนาคต ส่วนในเรื่องของภาษาก็มีความสำคัญมากเช่นกัน เนื่องจากในสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันมากขึ้น เราสามารถสื่อสารข้อมูลกันข้ามทวีปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้การใช้ภาษาอังกฤษเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก ซึ่งโรงเรียนในระบบการศึกษาไทยอาจไม่สามารถตอบโจทย์ด้านภาษาอย่างที่เราต้องการได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันการส่งลูกไปเรียนในต่างประเทศตั้งแต่เล็กก็ไม่ใช่สิ่งที่เราปรารถนา ตัวเลือกจึงออกมาที่โรงเรียนนานาชาติในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวนมากมายหลายโรงเรียนและค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง อีกทั้งโรงเรียนนานาชาติบางแห่งก็มีการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่มีความประสงค์จะส่งลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติ จึงต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และต้องมีการเตรียมตัวหรือวางแผนกันพอสมควร โดยสามารถนำเทคนิคการวางแผนส่งลูกเข้าเรียนนานาชาติ ไปปรับใช้ได้ดังนี้ค่ะ 1. ต้องศึกษาข้อมูลระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนว่าอยู่ในระบบไหน เนื่องจากระบบที่เราเลือกจะมีผลต่อการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของเด็ก 2. ควรเปรียบเทียบค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆว่ามีอะไร เท่าไหร่ อย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการวางแผนการเงินระยะยาวของเรา ซึ่งโดยทั่วไปค่าเทอมของโรงเรียนนานาชาติจะตกปีละประมาณ 200,000 – 700,000บาทต่อคนต่อปี ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกันอีกด้วยเช่นกัน เช่น ค่าสมัครเรียน ค่าแรกเข้า และเงินค้ำประกันต่างๆ เป็นต้น 3. เรื่องสวัสดิการการรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียนเป็นอย่างไรมีการทำประกันภัย และประกันอุบัติเหตุอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เด็กในวัยเรียนเป็นวัยที่มีความซุกซนคึกคะนองเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เรื่องอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านประกันส่วนใหญ่จะถูกคิดรวมอยู่ในค่าเทอมอยู่แล้ว และในกรณีที่ผู้ปกครองบางท่านมีความประสงค์ที่จะทำประกันภัยเพิ่มขึ้นจากที่โรงเรียนกำหนดให้ก็สามารถทำได้โดยแจ้งผ่านทางโรงเรียนเช่นกัน 4. การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียน เช่น ความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เนื่องจากว่าหากลูกเรามีความสามารถในด้านภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง เมื่อได้รับเลือกเข้าเรียนแล้วจะได้ไม่ต้องถูกบังคับให้ลงคอร์สภาษาอังกฤษพิเศษเพิ่ม ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อเทอมก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 5. การเตรียมความพร้อมของคุณพ่อคุณแม่ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ตั้งใจส่งลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติ นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ท่านๆ ต้องเตรียมใจล่วงหน้าคือ การยอมรับความแตกต่างว่า ลูกเราจะมีแนวความคิดหรือพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเด็กที่เรียนและโตมาในโรงเรียนไทย เนื่องจากวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราในฐานะคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรลืมที่จะสอดแทรกสอนความเป็นไทยให้เขาไปด้วย เพราะถึงแม้ว่าในโรงเรียนนานาชาติ เด็กไทยจะถูกบังคับให้เรียนภาษาไทยอยู่แล้ว แต่ก็คงไม่มากเท่ากับเด็กไทยทั่วไป |