เงินก้อนแรก… ซื้ออะไรก่อนดี ?

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับ Money Tips & Tricks คอลัมน์ที่จะหยิบยกเรื่องราวทางการเงินดีๆ และเป็นประโยชน์มานำเสนอให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นประจำทุกสัปดาห์ สำหรับท่านผู้อ่านที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่คงมีการวางแผนที่จะเก็บออมเงินก้อนแรก เพื่อนำไปซื้อทรัพย์สินเป็นของขวัญให้กับตัวเองกันบ้างใช่ไหมคะ และทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่มักจะเลือกซื้อกันเป็นลำดับแรกๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น บ้านหรือไม่ก็รถยนต์ แต่หากท่านผู้อ่านไม่สามารถซื้อทั้งสองอย่างพร้อมกันได้และจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วหล่ะก็ คอลัมน์ในวันนี้ก็มีข้อแตกต่างคร่าวๆ ระหว่างสองสิ่งมาให้ท่านผู้อ่านประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อกันค่ะ

สำรวจความจำเป็น สิ่งแรกที่ต้องคิดถึงก่อนเลยคือ “บ้าน” กับ “รถยนต์” สิ่งไหนจำเป็นกับท่านผู้อ่านมากกว่ากัน โดยนอกจากจะต้องสำรวจความจำเป็นของตัวเองแล้ว ก็ต้องดูความต้องการของครอบครัวประกอบกันด้วย เช่น กรณีบ้านที่ท่านผู้อ่านอาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นบ้านเช่า ซึ่งหากนำเงินที่จ่ายค่าเช่าบ้านทุกๆ เดือนมาผ่อนบ้านของตัวเองแทนก็ดูจะคุ้มกว่า ดังนั้นจึงอาจจะเลือกซื้อบ้านก่อน แต่ถ้าหากท่านผู้อ่านอาศัยอยู่กับครอบครัวอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็อาจจะซื้อรถยนต์ไว้ใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับตัวเองและครอบครัวแทนค่ะ

ประเมินความสามารถในการจ่าย หากท่านผู้อ่านตัดสินใจซื้อบ้านแล้ว ท่านผู้อ่านควรต้องศึกษาทำเลที่ตั้งและแบบบ้านที่จะซื้อว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือบ้านมือสอง ซึ่งราคาบ้านในแต่ละที่ย่อมแตกต่างกันไป นอกจากนั้นการทำสัญญาผ่อนบ้านนั้นเป็นภาระที่ท่านผู้อ่านต้องแบกรับไปอีก 20 – 30 ปี เลยทีเดียว ดังนั้นท่านผู้อ่านจึงต้องประเมินให้ดีว่าสามารถที่จะผ่อนบ้านในราคาและระยะเวลาเท่าใดถึงจะไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเป็นภาระให้กับตัวท่านเองมากจนเกินไป โดยกูรูทางการเงินแนะนำให้ใช้เลข “30” เป็นเกณฑ์ในการประเมินความสามารถนั่นก็คือ  ราคาบ้านไม่ควรเกิน 30 เท่าของรายได้ต่อเดือน และค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือนจึงจะเป็นราคาที่เหมาะสม

ส่วนรถยนต์นั้นราคาย่อมแตกต่างกันไปตามรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์ ซึ่งการทำสัญญาผ่อนรถยนต์นั้นจะมีจำนวนปีผ่อนชำระน้อยกว่าบ้านเป็นจำนวนมากคือไม่เกิน 7 ปี แต่ข้อเสียของรถยนต์นั่นคือยิ่งปีสูงมากเท่าไหร่มูลค่าก็จะลดลงมากเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากบ้านที่มูลค่าทรัพย์สินและที่ดินจะสูงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองค่ะ และสำหรับการประเมินความสามารถในการผ่อนรถยนต์ก็ใช้เกณฑ์ “30” เช่นเดียวกันคือ ค่าผ่อนรถไม่ควรที่จะเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือนจึงจะเป็นราคาที่เหมาะสม

คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมา เมื่อท่านผู้อ่านตัดสินเลือกซื้อบ้านหรือรถยนต์แล้วย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกมากมาย ซึ่งการตัดสินใจจะซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งคงต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พ่วงตามมาด้วยว่าจะสามารถรับผิดชอบได้มากน้อยแค่ไหน เช่น หากซื้อบ้านก็จะมีค่าตกแต่งบ้าน ค่าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหรือนานๆ จ่ายที เช่น ค่าซ่อมแซมบ้าน แต่หากเป็นรถยนต์ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน ค่าติดแก๊ส อาจจะมีมากกว่าและเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียบ่อยกว่าบ้าน ดังนั้นนอกจากจะวางแผนการซื้อแล้วค่าใช้จ่ายที่ตามหลังก็ต้องมีการวางแผนให้ดีตามไปด้วย

สุดท้ายนี้หวังว่าข้อเปรียบเทียบสามข้อที่นำมาเสนอให้กับท่านผู้อ่านในวันนี้ คงจะพอเป็นประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะนำเงินก้อนแรกที่เก็บออมมาไปซื้อหรือลงทุนกับสิ่งไหนก่อนดี แล้วกลับมาพบกับคอลัมน์ Money Tips & Tricks ได้ใหม่ในครั้งหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ