สวัสดีปีหมู

สวัสดีปีหมู

สวัสดีปีใหม่ และยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ พ.ศ. 2562 ก่อนอื่นขออวยพรให้ทุกท่านแข็งแรง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยส่วนตัวเชื่อว่าหากกายดี-ใจดี ความสุขย่อมตามมาเอง ขอให้ทุกท่านใช้สติในการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ ให้มาก ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้ด้วยดี หวังสิ่งใดที่ดีแล้วทั้งต่อตนเองและผู้อื่นก็ขอให้สมปรารถนา สุดท้ายในคำอวยพรนี้คือ เมื่อคิดสิ่งใดที่ดีแล้ว พอจะมีโอกาสทำ ขอให้ลงมือทำเลย ทุกความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ ไม่ใช่แค่นั่งเพ้อเจ้อไปวันๆ

ทุกเทศกาลประเทศไทยเราชอบมีอีเว้นท์แปลกๆ อยากหนึ่ง เช่น “เมาแล้วขับ หลับข้างทาง” เมื่อประกอบสิ่งที่ลึกลงไปกว่านิสัยในการขับรถที่ทั้ง ซิ่ง ปาด วิ่งไหล่ทาง ย้อนศร ไม่เปิดไฟเลี้ยว ฯลฯ ยิ่งทำให้เรากลายเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก คนไทยเมื่อทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก!

ปีนี้เหมือนจะดีกว่าปีที่แล้ว สำหรับช่วง 7 วันอันตราย เมื่อจำนวนอุบัติเหตุลดลง 1.30% เหลือ 3,791 ครั้ง ผู้บาดเจ็บก็ลดลง 2.82% เหลือ 4,005 คน เหมือนจะดีครับเราเจ็บน้อยลง… แต่เดี๋ยวก่อน เราตายมากขึ้น! เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 9.46% หรือ 463 ราย โดยมีจังหวัดนครราชสีมาสูงที่สุดถึง 25 ราย รองมาคือเชียงใหม่ 16 ราย สาเหตุหลักยังคงมาจากการเมาแล้วขับ 40.39% และ ขับรถเร็วเกินกำหนด 28.30%
ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งให้ท่านผู้อ่านได้กลับมาอ่านคอลัมภ์ของเรากันต่อ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนเลยครับ นอกจากผมยังต้องการผู้อ่านแล้ว ครอบครัวท่านก็ยังต้องการท่านอยู่

กลับมาที่ประเด็นสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ปีที่ผ่านมีความฮาร์ดคอร์อย่างมาก จากเขียวสดใสกลับกลายเป็นแดงสลด สถานการณ์ต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลให้ตลาดทุนผันผวนอย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนยังเป็นแหล่งลงทุนชั้นเลิศให้กับเราทุกคน หากสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ตามสถานการณ์ต่างๆ

ในมุมเศรษฐกิจและการลงทุนปีนี้ ดูจะเป็นปีหมูที่ยังงงๆ อึนๆ มึนๆ มองไปทางไหนเจอแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากตลาดทุนทั่วโลกปรับตัวลดลงแรงพร้อมกันเกือบทั้งโลก เราจึงต้องมาดูกันก่อนว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร

เริ่มจากเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ที่เศรษฐกิจปี 2561 น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% จากการบริโภคของกลุ่มคนรายได้ปานกลางจนถึงสูง ที่กระหน่ำช่วยกันซื้อรถยนต์และสินค้าคงทนอื่นๆ จำนวนมาก ส่วนคนระดับรากหญ้ายังคงแย่จากรายได้ที่ปรับตัวลดลง การลงทุนภาครัฐฯ ที่เร่งตัวตามการขยายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคเอกชน (กลุ่มอุตสาหกรรมและการบริการ) เริ่มกลับมาและเริ่มลงทุนตามไปด้วย
ส่วนการค้าต่างประเทศต้องบอกว่าเราค่อนข้างโชคดีที่ตุนตัวเลขด้านการค้าการบริการภาคต่างประเทศตั้งแต่ต้นปี ก่อนจะโดนผลกระทบจากสงครามการค้า รวมไปถึง ความโลภของผู้ประกอบการและความสิ้นคิดของผู้นำบางคน ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลง จนกลายเป็นผลกระทบเด้งที่สองต่อการค้าระหว่างประเทศ

ทางด้านอัตราดอกเบี้ย ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.75% จากการคงที่มายาวนานถึง 7 ปี จริงๆ แล้ว ปัจจัยต่างๆ พร้อมที่จะให้ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาซักพักใหญ่ แต่ก็โดนเบรคทุกครั้ง สุดท้ายก็มิอาจต้านทานกระแสดอกเบี้ยขาขึ้นของโลกได้ ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเทรนด์ใหญ่

ปี 2562 แม้จะดูมึนๆ แต่ผมยังคงมีมุมมองว่าจะเป็นปีหมูทองสำหรับเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ทำให้ประเมินการเติบโตเศรษฐกิจที่ระดับ 4.00% แต่ยังไม่เชื่อว่าในระดับฐานรากจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยมีครึ่งปีแรกเป็นตัวตัดสินจากอีเว้นท์ต่างๆ ในประเทศ และ การเจรจากันระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นปัจจัยรอง หากเป็นไปตามที่ภาคเอกชนหวังไว้ ผมเชื่อว่าเราจะกลายเป็นหมูทอง แต่หากผิดจากที่หวังไว้ หมูทองอาจกลายเป็นหมูหันที่โดนย่างจนเหลืองอร่ามไปทั้งตัว

ส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.00% เป็นระดับที่อยู่ในระดับเฉลี่ยเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของ FED รวมไปถึงเป็นระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินนโยบายการเงินในระยะปานกลาง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงโดนกดดันจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างหนัก

ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. และมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทั้งต่อการทำนโยบายและภาคเศรษฐกิจได้
ส่วนความเสี่ยงที่ต้องระวังในปีหมูนี้ ก็ยังมีทั้งในประเทศ จากการเลือกตั้งที่อาจต้องเลื่อน แต่ยังเชื่อลึกๆ ว่าได้เลือกตั้งกันแน่ๆ รายได้ภาคเกษตรที่ยังคงต่ำ ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีสต๊อกล้นเกินความต้องการและยังโดนมาตรการเข้มงวด หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงต่อเนื่อง ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนความเสี่ยงต่างประเทศยังคงต้องเผชิญกับความเอาแต่ใจตัวเองของทรัมป์ การเจรจาสงครามการค้าที่ยังไม่ลงตัว การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ดูจะเบาลง ปัญหาหนี้สินและการเมืองของยุโรป ฯลฯ

ส่วนของตลาดหุ้น ณ วันที่ 3 มกราคม 2562 SET INDEX ปิดที่ 1,560.03 จุด มีค่า P/E 14.77 เท่า และ P/BV 1.78 เท่า ผมเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายปี 2561 ของบริษัทจดทะเบียนฯ จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ประกอบกับระดับที่มีการซื้อขายกันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังค่อนข้างมาก นั่นหมายความว่า SET ไม่ได้ซื้อขายกันในระดับที่เหมาะสมซักเท่าไหร่ เมื่อดูในเชิงปริมาณดัชนีชี้วัดบางตัวได้บอกเราว่า SET เริ่มอยู่ในจุดที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อ ขณะที่ในเชิงเทคนิค ขอเพียงการย่อตัวไม่ทำ Lower low อีก ก็น่าสนใจที่จะเข้าลงทุน