หากมีเงินสักก้อน…จะวางแผนฝากธนาคารหรือทำประกันชีวิตดี

   สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับสาระความรู้ดีๆ ในคอลัมน์หน้าต่างประกันภัยกันอีกเช่นเคยนะครับ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มีความใส่ใจกับการออมเงินกันมากขึ้น  ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่การนำเงินออมไปใช้ในการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่งอกเงยเพิ่มขึ้นมา หลายคนมีคำถามว่าถ้ามีเงินสักก้อนหนึ่งจะเลือกนำไปฝากไว้ในธนาคารหรือจะทำประกันชีวิตดี โดยหลายคนอาจจะสงสัยว่าการฝากเงินในธนาคารกับการทำประกันชีวิตนั้นแตกต่างกันอย่างไร อันไหนให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และควรเลือกการออมเงินแบบไหนให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด ดังนั้นในวันนี้ผมจึงจะมาไขข้อข้องใจต่างๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาว่าควรเลือกวางแผนทำประกันชีวิตหรือวางแผนฝากเงินไว้กับธนาคาร โดยสำหรับจุดเด่นของประกันชีวิตและเงินฝากธนาคาร มีดังนี้

            การทำประกันชีวิต : คุ้มครองชีวิต พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี การทำประกันชีวิตนอกจากทำให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ทำประกันและครอบครัวได้อีกด้วย โดยเงินที่เราได้จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปไม่ว่าจะจ่ายเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกปีก็จะเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ทำประกันไว้  ซึ่งหากเราจ่ายเงินไม่ครบตามกำหนดสัญญา เงินที่จ่ายหรือฝากไปทั้งหมดก็อาจจะสูญเปล่า หรืออาจได้เงินที่ไม่คุ้มตามที่เราจ่ายไปก็ได้ แต่ในกรณีที่เราปฏิบัติตามสัญญาโดยทั่วไปแล้วเราจะได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร เมื่อเราอยู่จนครบกำหนดสัญญาก็จะได้รับเงินคืนตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ หรือหากเสียชีวิตภายในระยะเวลาของสัญญา แม้เราจะยังชำระเบี้ยประกันภัยไม่ครบตามที่ระบุไว้ในสัญญาเพราะยังไม่ถึงกำหนด บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ทั้งนี้ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนั้นยังสามารถนำเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทได้อีกด้วย

            เงินฝากธนาคาร : สภาพคล่องสูง ฝากถอนได้ทุกเมื่อ การออมเงินด้วยการฝากเงินกับธนาคารนั้น เงินที่ได้ออมไว้ก็ถือว่าเป็นเงินของเราเอง ซึ่งเราสามารถฝาก – ถอน หรือจะปิดบัญชีเมื่อใดก็ได้ โดยเราจะได้รับเงินที่ฝากไปคืนทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ยระหว่างปีที่เราได้ฝากไว้อีกด้วย และอาจจะมีสภาพคล่องมากกว่าการทำประกัน แต่จะไม่มีความคุ้มครองชีวิตกรณีเสียชีวิตหรืออุบัติเหตุ และไม่สามารถนำเงินที่ฝากไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งการฝากเงินกับธนาคารนั้นก็มีหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน แต่การฝากเงินที่เหมาะกับการออมมากที่สุดก็คือ การฝากเงินระยะยาวหรือการฝากประจำที่ต้องฝากเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งก็เป็นวิธีการฝากเงินที่สร้างวินัยให้กับตัวเราได้มากทีเดียวเหมือนกัน

เพื่อให้เป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านเอง ผมจึงได้สรุปความแตกต่างง่ายๆ ให้เห็นภาพดังนี้ครับ

  1. สภาพคล่อง การทำประกันชีวิตจะต้องส่งเบี้ยประกันจนครบสัญญา หากยกเลิกก่อนสัญญาจะได้เงินตามมูลค่าเวนคืนซึ่งอาจจะน้อยกว่าเงินที่ส่งไป สภาพคล่องจึงค่อนข้างต่ำกว่าการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งจะฝาก – ถอน หรือจะปิดบัญชีเมื่อใดก็ได้ โดยจะได้รับเงินที่ฝากไปคืนทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ย
  2. การลดหย่อนภาษี การทำประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนการฝากเงินในธนาคารไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
  3. ความคุ้มครองชีวิต การทำประกันชีวิตนั้นทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนตามทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในสัญญาในกรณีผู้ทำประกันภัยเสียชีวิตระหว่างสัญญา ในขณะที่การฝากเงินในธนาคารไม่มีความคุ้มครองชีวิต
  4. ผลตอบแทน การทำประกันชีวิตจะเป็นในรูปแบบของผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งผลประโยชน์ที่เป็นความคุ้มครอง ตัวเงินปันผล และเงินก้อนที่คิดจากวงเงินประกัน ในขณะที่การฝากเงินในธนาคารจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

            การออมทั้งสองแบบต่างก็มีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการได้ต่างกัน ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากันก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และความต้องการของตัวเราเอง  หากต้องการความคุ้มครองชีวิตและได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีก็อาจเลือกวางแผนทำประกันชีวิต แต่ถ้าต้องการความคล่องตัวก็อาจเลือกวางแผนฝากเงินกับทางธนาคาร ท่านผู้อ่านลองพิจารณาเลือกกันดูนะครับ แล้วกลับมาพบกับสาระความรู้ดีๆ แบบนี้ได้ใหม่ในสัปดาห์หน้า  สำหรับวันนี้สวัสดีครับ