4 ประโยชน์ของการทำประกันชีวิต

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน กลับมาพบกับคอลัมน์หน้าต่างประกันภัยที่จะมานำเสนอสาระความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการประกันภัย ภาษี และการวางแผนทางการเงินให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นประจำทุกสัปดาห์ครับ สำหรับในวันนี้ผมจะมาบอกให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงประโยชน์ของการทำประกันชีวิต โดยการทำประกันชีวิตนั้นมีประโยชน์อย่างมากและเป็นที่นิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว คนในประเทศเหล่านั้นจะทำประกันชีวิตกันค่อนข้างมาก เฉลี่ยแล้ว 1 คนจะมีกรมธรรม์ธรรม์ประกันชีวิตอยู่ 2 – 3 กรมธรรม์ แต่เมื่อมาเทียบกับคนไทยเราเองนั้น ปรากฎว่าปัจจุบันคนไทยมีอัตราการถือครองกรมธรรม์อยู่เพียงประมาณ 35% เท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือคนไทยประมาณ 2 – 3 คน จะมีเพียงแค่ 1 คนเท่านั้นครับที่มีกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งที่ต่างประเทศคนทำประกันชีวิตกันค่อนข้างมากเพราะเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการทำประกันชีวิตซึ่งแตกต่างจากในบ้านเรา เพราะคนไทยเรานั้นยังมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีกับประกันชีวิตเท่าไหร่นัก เนื่องจากที่ผ่านมาเรามักซื้อประกันชีวิตเพราะช่วยเพื่อนหรือช่วยญาติพี่น้องเพราะว่ากลัวเค้าจะตกงาน แต่เราไม่ได้ซื้อประกันชีวิตที่ตอบสนองตามความต้องการของตัวเราเอง ซึ่งจริงๆ แล้วต้องขอบอกท่านผู้อ่านว่าถ้าเราเปิดใจเราจะเห็นได้ว่าการทำประกันชีวิตนั้นมีประโยชน์อย่างมาก โดยผมจะชี้แนะให้ท่านผู้อ่านได้เห็นถึงประโยชน์ของประกันชีวิตอย่างน้อย 4 ข้อด้วยกันนะครับ

อย่างแรก – ประกันชีวิตจะช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว เช่น ในกรณีที่หัวหน้าครอบครัวทำประกันชีวิตไว้แล้วเกิดเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เงินประกันชีวิตที่ได้รับจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของครอบครัวได้ระยะหนึ่ง หรือหากทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษาของลูกไว้ ลูกก็จะมีเงินใช้จ่ายเพื่อการศึกษาได้ต่อไป เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ทำให้คนรุ่นหลังต้องเดือดร้อนหากผู้นำครอบครัวจากไปก่อนวัยอันควร

อย่างที่สอง – ประกันชีวิตจะช่วยให้เกิดการออมทรัพย์อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง เพราะการประกันชีวิตโดยส่วนมากจะเป็นสัญญาระยะยาวที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันภัยเป็นประจำเป็นรายงวด ดังนั้นผู้เอาประกันภัยก็จะต้องมีการแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาเก็บออมในรูปแบบของการชำระเบี้ยประกันภัยดังกล่าว

อย่างที่สาม – ประกันชีวิตจะช่วยสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า เพราะประกันชีวิตจะเป็นการนำเงินค่าเบี้ยประกันภัยของผู้เอาประกันภัยทั้งหมดไปลงทุนต่อ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีและนำมาจ่ายผลประโยชน์คืนให้กับผู้เอาประกันภัย โดยการลงทุนก็จะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นที่สำนักงาน คปภ. กำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินไว้ในบัญชีธนาคาร

อย่างสุดท้าย – ประกันชีวิตสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยท่านผู้อ่านที่ได้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10 ปี ท่านยังสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ในกรณีประกันชีวิตทั่วไปได้สูงสุดถึง 100,000 บาท, กรณีกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญได้สูงสุดถึง 200,000 บาท, กรณีทำประกันสุขภาพให้คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำมาลดหย่อนได้อีก 15,000 บาท อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วประกันชีวิตมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว, ช่วยให้เกิดการออมทรัพย์อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง, ช่วยสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า และยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อประกันก็คือความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ย ซึ่งหากท่านซื้อประกันได้ถูกต้องตามความต้องการของท่าน และมีความสามารถในการชำระเบี้ยได้เพียงพอตลอดระยะเวลาสัญญาประกันชีวิตแล้ว ประกันชีวิตก็จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับท่าน แต่ถ้าท่านซื้อประกันเพราะช่วยเพื่อน ซื้อประกันเพราะตัดความรำคาญ หรือซื้อประกันเพราะความไม่เข้าใจ ประกันชีวิตก็อาจจะเป็นตัวถ่วงในชีวิตของท่านก็ได้ครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ.