ออมด้วยประกันชีวิต VS เงินฝากธนาคาร

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยได้หันมาให้ความสนใจและใส่ใจในเรื่องการออมเงิน และเริ่มวางแผนเก็บออมเงินกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากจะพูดถึงการออมเงินนั้นก็สามารถออมได้หลากหลายวิธีด้วยกันครับ โดยวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและได้รับผลตอบแทนกลับมามากที่สุดก็คือ การฝากเงินไว้กับธนาคาร และการทำประกันชีวิต ซึ่งหลายคนคงเคยได้รับการเสนอขายประกันจากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะมาจากนายหน้า ตัวแทนขายประกัน หรือจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารเอง และหลายคนอาจจะมีความสงสัยว่าการฝากเงินในธนาคารกับการทำประกันชีวิตนั้นแตกต่างกันอย่างไร อันไหนให้ผลตอบแทนดีกว่าและควรเลือกการออมเงินแบบไหนดี

โดยคอลัมน์ในวันนี้จะมาไขข้อข้องใจดังกล่าวเพื่อเป็นตัวช่วยให้ท่านผู้อ่านในการพิจารณาว่า ควรวางแผนออมเงินด้วยการทำประกันชีวิต หรือควรวางแผนฝากเงินไว้กับธนาคาร ซึ่งจุดเด่นของการทำประกันชีวิตและการฝากเงินกับธนาคาร มีดังนี้ครับ

  1. การทำประกันชีวิต : คุ้มครองชีวิต พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี เริ่มต้นด้วยวิธีการออมเงินวิธีแรกนั่นคือการทำประกันชีวิต  โดยการทำประกันชีวิตนั้นก็เป็นการออมเงินได้เหมือนกันครับ อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ทำประกันและครอบครัวอีกด้วย โดยเงินที่เราจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปไม่ว่าจะจ่ายเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกปีก็จะเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ทำประกันไว้ หากเราจ่ายเงินไม่ครบตามกำหนดสัญญาเงินที่จ่ายหรือฝากไปทั้งหมดก็อาจจะสูญเปล่า หรืออาจได้เงินที่ไม่คุ้มตามที่เราจ่ายไปก็ได้ แต่เราจะได้รับผลตอบแทนที่สูงเมื่อเราอยู่จนครบกำหนดสัญญาก็จะได้รับเงินคืนตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ หรือหากเสียชีวิตภายในระยะเวลาของสัญญา แม้เราไม่ได้ชำระเบี้ยประกันภัยครบตามที่ระบุไว้ในสัญญา บริษัทที่รับประกันฯ ก็จะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์นั้นเอง ทั้งนี้ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนั้นยังสามารถนำเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทได้อีกด้วย
  2. เงินฝากธนาคาร: สภาพคล่องสูง ฝากถอนได้ทุกเมื่อ การออมเงินวิธีต่อมานั่นคือการออมเงินด้วยการฝากเงินกับธนาคาร โดยการฝากเงินด้วยวิธีการนี้เงินที่ได้ออมไว้ก็ถือว่าเป็นเงินของเราเอง ซึ่งเราสามารถฝากและถอนหรือจะปิดบัญชีเมื่อใดก็ได้ โดยเราจะได้รับเงินที่ฝากไปคืนทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ยระหว่างปีที่เราได้ฝากไว้อีกด้วย และอาจจะมีสภาพคล่องมากกว่าการทำประกัน แต่จะไม่มีความคุ้มครองชีวิตกรณีเสียชีวิตหรืออุบัติเหตุ และไม่สามารถนำเงินที่ฝากไปมาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งการฝากเงินกับธนาคารนั้นก็มีหลายรูปแบบด้วยเช่นกัน แต่การฝากเงินที่เหมาะกับการออมที่สุดก็คือ การฝากเงินระยะยาวหรือการฝากประจำที่ต้องฝากเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งก็เป็นวิธีการฝากเงินที่สร้างวินัยให้กับตัวเราได้มากทีเดียวเหมือนกัน

และเพื่อให้เป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน ผมจึงได้สรุปความแตกต่างง่ายๆ ในรูปแบบตารางให้ ดังนี้ครับ

                                  ประกันชีวิต                                 เงินฝากธนาคาร
สภาพคล่องต่ำ : ต้องส่งเบี้ยประกันจนครบสัญญา หากยกเลิกก่อนสัญญาจะได้เงินตามมูลค่าเวนคืน ซึ่งอาจจะน้อยกว่าเงินที่ส่งไป สภาพคล่องสูง : จะฝาก ถอน หรือจะปิดบัญชีเมื่อใดก็ได้ โดยจะได้รับเงินที่ฝากไปคืนทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ย
ลดหย่อนภาษีได้ : ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเงินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
มีความคุ้มครองชีวิต : โดยทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์รับเงินก้อนตามทุนประกันภัยที่ระบุไว้ในสัญญา ไม่มีความคุ้มครองชีวิตให้
ผลตอบแทน : จะเป็นในรูปแบบของผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งผลประโยชน์ที่เป็นความคุ้มครอง  ตัวเงินปันผล และเงินก้อนที่คิดจากวงเงินประกัน  ผลตอบแทน : บัญชีเงินฝากจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบของ ดอกเบี้ย

 

ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่าการออมทั้งสองแบบต่างก็มีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันออกไป สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ต่างกัน ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากันก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และความต้องการของตัวท่านผู้อ่านเองเป็นหลักครับ แต่ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเลือกวางแผนออมเงินในรูปแบบไหนต่างก็ให้ผลดีด้วยกันทั้งสองแบบ แล้วกลับมาพบกับสาระดีๆ แบบนี้ได้ใหม่ในครั้งหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ